1008 Views |
สารสกัดที่สำคัญ
พลูคาว
• อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ฟลาโวนอยด์ อัลคาลอยด์ และเควอซิทิน รวมทั้งวิตามินและแร่ธาตุที่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันการทำลายเซลล์ในร่างกาย รักษาความสมดุลของร่างกาย และยับยั้งการอักเสบ
• มีส่วนในการช่วยทำให้หลอดเลือดแข็งแรง ช่วยในการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส
• มีสรรพคุณช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย และเร่งอัตราการเผาผลาญพลังงาน
• ช่วยรักษาอาการประจำเดือนมาไม่ปกติ
• ช่วยรักษาอาการช่องคลอดอักเสบ
• ช่วยลดการอักเสบของผิว
น้ำมันงาดำ
• อุดมไปด้วย Sesamol และ Sesaminol สารต้านอนุมูลอิสระ 2 ชนิด ที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์และช่วยลดความเสียหายของเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
• สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำมันงาดำมีส่วนช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของรังสียูวี ด้วยความสามารถในการต้านทานรังสียูวีได้ถึง 30%
• อุดมไปด้วยแกมมา-โทโคฟีรอล ซึ่งเป็นวิตามินอีชนิดหนึ่งที่ช่วยบำรุงผิว
• อุดมไปด้วยเหล็ก สังกะสี และกรดไขมัน ที่ช่วยให้เส้นผมและผิวหนังแข็งแรง
• มีกรดอะมิโนที่เรียกว่าไทโรซีน บำรุงระบบประสาทและสมอง ช่วยลดความเครียดและภาวะซึมเศร้า
• ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกายให้ทำงานได้ดีขึ้น
น้ำมันโบราจ
• น้ำมันโบราจมีกรดไขมันจำเป็นชนิดไม่อิ่มตัว 2 ประเภทที่สูงมาก ได้แก่ กรดแกมมา-ลิโนเลนิก (GLA) 20–26% และกรดลิโนเลนิก (LA ซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนเป็น GLA ในภายหลัง)
• GLA ในน้ำมันโบราจ ทำหน้าที่เหมือนฮอร์โมนในร่างกาย ช่วยลดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับโรคผิวหนังและปัญหาหัวใจและหลอดเลือด ช่วยปรับสมดุลระดับฮอร์โมน จึงสามารถช่วยควบคุมอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) หรืออาการวัยทองได้
• GLA (กรดแกมมา-ไลโนเลนิก) ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้น รักษาความยืดหยุ่น และเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว
• น้ำมันโบราจเป็นกรดไขมันที่มีสารต้านการอักเสบตามธรรมชาติ สามารถช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง
คอลลาเจนไตรเปปไทด์
• เป็นคอลลาเจนที่มีอนุภาคขนาดเล็กกว่าคอลลาเจนทั่วไป ซึ่งทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ไว
• ช่วยลดความแห้งกร้านของผิวและคืนความกระชับยืดหยุ่นให้กับผิว ช่วยซ่อมแซมผิวที่ถูกทำลายและเสื่อมสภาพ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น
• ช่วยบำรุงเล็บและเว้นผมให้แข็งแรง เงางาม
• ช่วยเพิ่มความหนาแน่นและความแข็งแรงของกระดูก ช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน
น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส
• น้ำมันประกอบด้วยกรดแกมมา-ไลโนเลนิก (GLA) ซึ่งเป็นกรดไขมันโอเมก้า 6 ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและบรรเทาอาการปวด
• ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมน จึงสามารถช่วยบรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) เช่น ท้องอืด, ภาวะซึมเศร้า, หงุดหงิด, และอาการบวมน้ำ และช่วยลดความรุนแรงของอาการร้อนวูบวาบของวัยทอง
• กรดไลโนเลอิกที่พบในน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว กักเก็บน้ำในผิวหนังชั้นนอก และควบคุมการผลิตไขมัน ลดปัญหาผิวแห้ง หยาบกร้าน
• มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยบรรเทาและป้องกันสิว
• มี กรดโอเลอิก (Omega-9) ช่วยรักษาความอ่อนนุ่มของผิวและช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
• มีกรดสเตียริกที่ช่วยขจัดสิ่งสกปรก เหงื่อ และความมันส่วนเกินออกจากผิวหนัง
แคลเซียม
• แคลเซียมมีความจำเป็นต่อการพัฒนา การเจริญเติบโต และการบำรุงรักษากระดูก ช่วยรักษากระดูกและชะลอการสูญเสียมวลกระดูก ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของกระบวนการชราภาพ
• ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวัยทองมีโอกาสสูญเสียมวลกระดูกสูง เสี่ยงต่อการโรคกระดูกพรุน การเสริมแคลเซียมสามารถช่วยได้
ขิง
• ในขิงมีสาร Gingerol ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย
• ช่วยปลอบประโลมผิวจากอาการระคายเคือง
• สามารถรักษาอาการปวดประจำเดือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทียบเท่ายาแก้ปวด
• ช่วยลดอาการปวดศีรษะและไมเกรน
• ช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดีขึ้น
• ช่วยในการย่อยอาหาร ลดอาการท้องผูก
โคเอ็นไซม์คิวเทน
• เป็นสารประกอบที่ช่วยให้พลังงานแก่เซลล์ ซึ่งจำเป็นสำหรับการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย
• เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ สามารถลดความเสียหายของผิวโดยการเพิ่มการผลิตพลังงานในเซลล์ผิวและกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสียหายของผิวจากอนุมูลอิสระที่เกิดจากรังสียูวี และยังช่วยลดความลึกของริ้วรอยได้อีกด้วย
• ช่วยในการผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน ที่มีส่วนในการเสริมสร้างกระดูก เส้นเอ็น ข้อต่อ และรักษาความยืดหยุ่นของผิว
• ช่วยหยุดการผลิตไทโรซิเนสซึ่งเป็นตัวเร่งการผลิตเมลานินหรือเม็ดสีผิวที่มากเกินไป ช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอ
• เมื่อเราอายุมากขึ้น ระดับของ Coenzyme Q10 ตามธรรมชาติในผิวของเราจะลดลง การลดลงของ Q10 ทำให้ผิวมีแนวโน้มที่จะเกิดริ้วรอยและเหี่ยวย่นมากขึ้น
ซิงค์อะมิโน หรือ สังกะสี
• ช่วยลดการสูญเสียมวลกระดูกในสตรีวัยหมดประจำเดือน ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนในสตรีได้
• ช่วยลดสังกะสีอาการปวดประจำเดือน และอาการก่อนมีประจำเดือนอื่นๆ
• มีความสำคัญต่อภาวะเจริญพันธุ์ ทำให้ร่างกายกลับมามีความสมดุล ส่งผลต่อกระบวนการตกไข่
• ซิงค์เป็นแร่ธาตุสำคัญที่ผู้หญิงต้องการเป็นประจำทุกวันเพื่อสุขภาพที่ดี การขาดธาตุสังกะสีอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงและไม่พึงประสงค์ได้ เช่น ผมร่วง ปัญหาในการรับรสและกลิ่น หรือบาดแผลหายช้า
• วัยรุ่นที่ขาดซิงค์ อาจจะมีแนวโน้มที่จะเป็นสิว โรคสมาธิสั้น หรือปัญหาการมองเห็น เช่น จอประสาทตาเสื่อมตามอายุ เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ได้
สารสกัดจากมะเขือเทศ
• ในมะเขือเทศมีไลโคปีน สารต้านอนุมูลอิสระอันทรงประสิทธิภาพที่ช่วยเสริมสุขภาพในหลายๆ ด้าน
• ไลโคปีนมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายตั้งแต่ผิว สุขภาพกระดูกไปจนถึงสุขภาพหัวใจ
• ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลังของไลโคปีนสามารถยับยั้งการเติบโตของมะเร็งบางชนิดได้ จากการศึกษาในมนุษย์ พบว่าไลโคปีนช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งปอดได้ 32-50%
• นอกจากไลโคปีน มะเขือเทศยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีก 3 ชนิด ได้แก่ ซีตาแคโรทีน ไฟโตฟลูอีน และไฟโตอีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต่อสู้กับการอักเสบในร่างกาย
• ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี โดยช่วยดูดซับรังสียูวี และต่อต้านอนุมูลอิสระที่เกิดจากแสงแดด ทำให้ผิวแข็งแรง ไม่คล้ำเสียง่าย
• ชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว ด้วยการช่วยเพิ่มคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรง กระชับ และยืดหยุ่น
วิตามินซี
• สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง
• เป็นสารที่จำเป็นสำหรับการผลิตคอลลาเจนในร่างกาย
• มีส่วนสำคัญในการผลิตคอลลาเจน จึงช่วยลดเลือนริ้วรอย อาการและสัญญาณของวัยชรา
• ช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียดสาเหตุของความดันโลหิตสูง
• เพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร เปลี่ยนธาตุเหล็กที่ดูดซึมได้ไม่ดี เช่น ธาตุเหล็กจากพืช ให้อยู่ในรูปแบบที่ดูดซึมได้ง่ายกว่า สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะโลหิตจางในผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะมีภาวะขาดธาตุเหล็กได้
• ช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและลดระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ทำให้มดลูกหดตัวและเยื่อบุโพรงมดลูกแตกตัว นำไปสู่การมีประจำเดือนที่ปกติ
วิตามินอี
• มีประสิทธิภาพในการลดอาการของโรคผิวหนังและภูมิแพ้
• ช่วยขยายหลอดเลือด ลดความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือด และทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี
• มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้านการอักเสบของเซลล์ ช่วยลดความเครียด
• ให้ความชุ่มชื้น ป้องกันและรักษาผิวแห้งแตกเป็นขุย
• ช่วยเสริมสร้างสุขภาพผิวและดวงตาที่แข็งแรง
• สามารถช่วยบรรเทาความรุนแรงของอาการวัยทองที่พบบ่อยได้หลายอย่าง เช่น การนอนไม่หลับ อาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน อาการใจสั่น และช่องคลอดแห้ง
แอสตาแซนทิน
• แอสตาแซนธินเป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังที่สุด จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "ราชาแห่งแคโรทีนอยด์" มีศักยภาพมากกว่าเบตาแคโรทีนถึง 5 เท่า มากกว่าวิจามินอี 500 เท่า และมากกว่าวิตามินซีถึง 6,000 เท่า
• มีคุณสมบัติเป็นสารกันแดดช่วยลดความเสียหายของผิวจากรังสี UVB และลดการอักเสบที่เกิดขึ้นจากแสงแดดได้ดี
• ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ความเรียบเนียน และความชุ่มชื้นของผิวได้อย่างมาก ด้วยการเพิ่มความสามารถในการกักเก็บน้ำของผิว
วิตามินดี 3
• ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ในปริมาณที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสร้างและรักษากระดูกให้แข็งแรง นอกจากนั้นยังช่วยให้คุณสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงได้อีกด้วย
• เป็นกุญแจสำคัญในการจัดการระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
• จำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมน บรรเทาและป้องกันความผันผวนของฮอร์โมน สามารถช่วยควบคุมอินซูลินและฮอร์โมนไทรอยด์ ช่วยควบคุมการไหลของอินซูลินและปรับระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้วงจรฮอร์โมนตามธรรมชาติของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
วิตามิน K
• มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
• ช่วยในการสร้างโปรตีนต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการแข็งตัวของเลือด
• ช่วยใหประจำเดือนมาเป็นปกติ
• ลดปัญหาประจำเดือนมามากกว่าปกติ
วิตามินบี
• วิตามินบีทั้ง 8 จำเป็นต่อกระบวนการเกือบทั้งหมดในร่างกาย ช่วยเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงานและส่งผลต่อสุขภาพของระบบประสาท ระบบเผาผลาญ อวัยวะ กล้ามเนื้อ ผิวหนัง และเส้นผม นอกจากนี้ยังจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต การพัฒนา และการทำงานโดยรวมของเซลล์ ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพผิว
วิตามินบี 1 (ไทอามีน)
• ช่วยเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นพลังงาน ช่วยในการรักษาบาดแผล และจำเป็นอย่างยิ่งในการช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและระบบประสาท
วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน)
• ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวและรักษาคอลลาเจน ปกป้องความสมบูรณ์ของโครงสร้างผิว ช่วยปรับปรุงโทนสีผิว ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น และเร่งการสมานแผล นอกจากนี้ยังช่วยปรับสมดุลของน้ำมันตามธรรมชาติ ทำให้วิตามินที่ดีสำหรับผิวแห้งหรือเป็นสิว
วิตามินบี 3 (ไนอาซิน)
• ช่วยเสริมเกราะป้องกันตามธรรมชาติของผิว ช่วยป้องกันความเครียดจากสิ่งแวดล้อม และช่วยต่อต้านริ้วรอย อีกทั้งช่วยในการไหลเวียนของเลือด และยังมีส่วนช่วยในการลดความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า ทำให้ผ่อนคลายและนอนหลับได้ดีขึ้น
วิตามินบี 5 (กรดแพนโทธีนิก)
• ช่วยปรับสมดุลของผิวและบรรเทาอาการผื่นแดงและการอักเสบ พร้อมเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ช่วยให้ผิวอ่อนนุ่ม ชุ่มชื้น
วิตามินบี 6 (ไพริดอกซิ)
• ขจัดความเครียด ควบคุมอารมณ์และการนอนหลับ โดยช่วยให้ร่างกายผลิตเซโรโทนิน (ฮอร์โมนแห่งความสุข) เมลาโทนิน (ฮอร์โมนการนอนหลับ) และนอร์เอพิเนฟริน (ฮอร์โมนความเครียด) จึงสามารถช่วยบรรเทาอาการบางอย่างของกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) ได้เป็นอย่างดี
วิตามินบี 7 (ไบโอติน)
• จำเป็นสำหรับการเผาผลาญกรดไขมันและปกป้องเซลล์จากความเสียหายและการสูญเสียน้ำ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและเต่งตึง ดูมีชีวิตชีวาอย่างเป็นธรรมชาติ
วิตามินบี 9 (กรดโฟลิก)
• ทำงานเหมือนสารต้านอนุมูลอิสระ ต่อสู้กับการทำลายจากแสงแดดและริ้วรอย ให้ผิวดูกระชับเรียบเนียน
วิตามินบี 12 (โคบาลามิน)
• จำเป็นสำหรับการสร้างเซลล์ใหม่ ช่วยลดการอักเสบ ความแห้งกร้าน และการเกิดสิว พร้อมทั้งช่วยลดเลือนจุดด่างดำและสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ